ข่าวสารองค์กร
BLC โชว์ผลงานไตรมาส 2/2567 โตแกร่ง โกยรายได้ 370.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% มองผลงานครึ่งปีหลังสดใส ผลิตภัณฑ์ยาใหม่ - ดีมานด์โรงพยาบาลหนุนโตแรง ฟากบอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.06 บาทต่อหุ้น
‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC’ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 เติบโตต่อเนื่อง ทำรายได้จากการขายและให้บริการรวม 370.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 36.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% และ 10.5% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังสดใส ผลิตภัณฑ์ใหม่ และดีมานด์รอบปีงบประมาณใหม่โรงพยาบาลสนับสนุนการเติบโต ปูพรมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มุ่งเติบโตต่อเนื่องระยะยาว ฟากบอร์ดไฟเขียวเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.06 บาทต่อหุ้น
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน - มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 370.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 36.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ การสื่อสารการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างครอบคลุมทั้งโมเดิร์นเทรด อีคอมเมิร์ซ และออนไลน์ ส่งให้ผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 2567 (มกราคม - มิถุนายน) มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 735.5 ล้านบาท เติบโต 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 78.0 ล้านบาท เติบโต 22.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2567 ในอัตรา 0.06 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 สิงหาคม 2567 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 13 กันยายน 2567 นี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มเติบโต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันเพื่อทดแทนยาที่หมดในช่วงปีงบประมาณใหม่ของโรงพยาบาล และปัจจัยด้านฤดูกาลในช่วงครึ่งปีหลังของประเทศไทยที่เป็นฤดูฝนและเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้ความต้องการยาสำหรับโรคติดต่อไม่เรื้อรังเพิ่มขึ้น อาทิ ยากลุ่มฆ่าเชื้อ แก้ไอ แก้หวัด จะเน้นยาครีม สเตียรอย ฆ่าเชื้อรา และกลุ่มยารักษาอาการผิวแห้งจากอากาศหนาวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่า คาดว่าจะทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมียอดขายที่เติบโตขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวว่า สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทฯ วางแผนจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ภายใต้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ โดยมุ่งสื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่มสินค้า รวมทั้ง สร้างการเติบโตผ่านกลยุทธ์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย ดังนี้ (1) จำหน่ายสินค้าเดิมในช่องทางเดิม โดยขยายฐานลูกค้าในช่องทางโรงพยาบาล และร้านขายยา โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มโรงพยาบาลและร้านขายยาที่ไม่เคยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มาก่อน (2) จำหน่ายสินค้าเดิมในช่องทางใหม่ ขยายไปสู่ช่องทาง Modern trade และ ช่องทาง E-Commerce มากยิ่งขึ้น (3) จำหน่ายสินค้าใหม่ในช่องทางเดิม มุ่งวิจัย และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อวางจำหน่ายในช่องทางที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญและมีเครือข่ายที่ครอบคลุม (4) วางจำหน่ายสินค้าใหม่ในช่องทางใหม่ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่จากการวิจัยและพัฒนาของศูนย์วิจัย BLC Research Center ขยายไปสู่ช่องทางใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ เตรียมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Calza – D ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระดูกและข้อ
“BLC มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เติบโตสูง ตอบรับกระแสสุขภาพที่มาแรงในปัจจุบัน เราจะสื่อสารการตลาดในทุกช่องทางเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งตลาดต่างประเทศมีการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่เติบโตกว่า 19.0% เรามองเห็นโอกาสและเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่เราวางไว้” ภก.สุวิทย์ กล่าว