ข่าวสารองค์กร
BLC ร่วมโชว์ศักยภาพงาน CPHI South East Asia 2024 เปิดตัวนวัตกรรมสมุนไพรและยาสามัญใหม่
BLC ปักหมุดผู้นำยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์สุขภาพ “ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ” ในประเทศไทย เปิดตัว New Generics ใหม่ คัดสรรสมุนไพรไทยที่ปลูกโดยเกษตรกร สกัดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพในสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท ในปี 69 อัดงบลงทุน 825 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตยาเม็ด 960 ล้านเม็ด/ปี พร้อมขนทัพนวัตกรรมร่วมงานอุตสาหกรรมยาแห่งเอเชีย CPHI South East Asia 2024 จัดโดยอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ยกระดับสู่เมดิคัลฮับของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันที่ 10 - 12 กรกฎาคม 2567 ฮอลล์ 1-3 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน และผู้จัดการทั่วไป – ฟิลิปปินส์, อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงาน “ซีพีเอชไอ เซาท์อีส เอเชีย 2024 (CPHI South East Asia 2024)” เปิดเผยว่า สถานการณ์ประชากรสูงอายุในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประมาณการเติบโตเฉลี่ย 7.5% ต่อปี โดยแยกเป็นรายปีจะพบว่า ปี 2567 สังคมไทยจะมีผู้สูงวัย 18.3% จากนั้นเพิ่มเป็น 19.7% ในปี 2568 และ 21.1% ปี 2569 จนไปถึงปี 2573 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) นั่นหมายถึงสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้ความต้องการใช้ยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมีเพิ่มขึ้น ทั้งเพื่อดูแลสุขภาพ และรักษาอาการผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งต้องการยาที่มีคุณภาพมาทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีความต้องการจากตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจากปัจจัยที่กล่าวมานี้ทำให้อุตสาหกรรมยาของไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก
โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมยาของไทยมีศักยภาพสูงมาก ทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา พร้อมการยอมรับในมาตรฐานเทียบเท่ากับต่างประเทศ พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการแต่ละรายต่างมีเป้าหมายที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยาไปสู่ New S-Curve เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และ ก้าวไปสู่การเป็นเมดิคัลฮับ (Medical Hub) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะดึงเม็ดเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต
สำหรับแนวคิดการพัฒนางาน “ซีพีเอชไอ เซาท์อีส เอเชีย 2024” หรือ CPHI South East Asia 2024 จัดขึ้นเพื่อแสดงงานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในงานจะมีผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ร่วมโชว์ศักยภาพด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี และยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยาของไทยให้ก้าวขึ้นเทียบเท่าระดับสากล และเพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพได้ง่ายขึ้น
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เปิดเผยว่า BLC เป็นผู้นำด้านยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้เป็นสากลมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ พร้อมกันนี้ได้ให้ความสำคัญกับการนำคุณค่าของสมุนไพรไทยมาสู่ผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ได้สนับสนุนอุตสาหกรรมยาในประเทศและสนับสนุนการใช้สินค้า/ยาในประเทศ (MIT: MADE IN THAILAND) และ BOI เพื่อยกระดับการผลิตและบริการในอุตสาหกรรมยา และความยั่งยืนทางธุรกิจ (Sustainable) ภายใต้ค่านิยมหลักในการดำเนินธุรกิจขององค์กร คือ SMILE ได้แก่ Social Environmental Responsibility , Moral ,Innovation, Loyalty และ Excellence Performance
ในขณะที่การขยายตัวของตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับจากการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และการฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้แนวโน้มอุบัติการณ์ของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้ผู้ป่วยกลับมาใช้บริการที่โรงพยาบาลและคลินิก ส่งผลให้ความต้องการยาและเวชภัณฑ์โดยรวมเพิ่มมากขึ้น
โดย BLC วางเป้าหมายการเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมในภาพรวม ด้วยกลยุทธ์การเน้นผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ ควบคู่กับการวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพรเพื่อใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรเพื่อให้ประชาชนคนไทย สามารถเข้าถึงยาและการรักษาได้ง่ายและมากขึ้น ลดการพึ่งพาการซื้อยา หรือนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ รวมถึงการสร้างนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทยเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติทั่วโลก
พร้อมกันนี้ ได้ทุ่มงบประมาณลงทุน 825 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างอาคารผลิตยาใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นโกดังสำหรับเก็บวัตถุดิบจำนวน 5,590 ตารางเมตร และ โรงงานผลิต ขนาด 8,600 ตารางเมตร โดยจะเพิ่มกำลังผลิตยาเม็ดได้มากถึง 960 ล้านเม็ด/ปี ซึ่งจะขับเคลื่อนภาพรวมธุรกิจไปสู่เป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569
ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา (Pharmaceuticals) และ กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ จำหน่ายผ่านช่องทางผู้ประกอบการ (B2B) เช่น ร้านขายยา โรงพยาบาลรัฐและเอกชน บริษัทเอกชน ร้านค้าปลีก ในและต่างประเทศ รวมถึงจาหน่ายสินค้าให้แก่ ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ผ่านช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อและช่องทางออนไลน์
สำหรับไฮไลต์ นวัตกรรมและสินค้าที่จะนำไปจัดแสดงในงาน CPHI South East Asia 2024 ประกอบด้วย สมุนไพรไทยคุณภาพสูง โดยพิถีพิถันคัดสรรสมุนไพรไทยที่ปลูกโดยเกษตรกรไทย นำมาสกัดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้ทำการจดอนุสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้ได้สารสกัดที่มีคุณภาพ สามารถควบคุมปริมาณสารสำคัญให้คงที่ ปราศจากตัวทำละลายตกค้าง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ภายในงานบริษัทฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สมุนไพรหลายชนิด และยา New Generics ตัวใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยใน Aging population และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รวมทั้งนำเสนอบริการรับจ้างผลิตยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร (Contract Development and Manufacturing Organization: CDMO) รองรับความต้องการที่หลากหลายของเจ้าของธุรกิจในปัจจุบัน ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาไปสู่ ESG (Environmental, social, and governance) ที่ให้ความสำคัญในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
“บริษัทฯ เล็งเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรม ทั้งการเข้าสู่ตลาดทุนและมีการระดมทุน เพื่อพัฒนาให้มีความครอบคลุมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ด้านสุขภาพ (wellness) บริการทางการแพทย์ (Medical Service) วิชาการ (Academic) และผลิตภัณฑ์ (Products) ด้วยการต่อยอดพื้นฐานจากทางด้านการผลิตยาสามัญ (Generics) สู่การพัฒนาสมุนไพรไทยที่พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมยาให้ทัดเทียมระดับสากล” ภก.สุวิทย์ กล่าว